Terrell และ Jarius Joseph เป็นคุณพ่อลูกสอง ผู้สนับสนุน LGBTQ+ และครีเอเตอร์ดิจิทัลที่แชร์เรื่องราวทั้งดีและร้ายของการมีครอบครัวผ่านวิดีโอที่ผู้ชมรู้สึกเข้าถึงได้บน Facebook
เราจึงสอบถามคู่รักคู่นี้ถึงเคล็ดลับและกลยุทธ์ที่ช่วยให้เพจ Facebook ของทั้งสองเติบโตขึ้นถึง 800% ในปีที่ผ่านมา*
บทสัมภาษณ์นี้มีการย่อความและแก้ไขเพื่อให้อ่านง่ายขึ้น
เราเริ่มใช้โซเชียลในปี 2016 เพื่อแชร์เส้นทางการเป็นคุณพ่อของเราสองคน เรากำลังจะมีลูกสาวคนแรก และเราได้แชร์วิดีโอจากการนัดหมายอัลตร้าซาวด์ อัพเดตเรื่องการตั้งครรภ์ และทำโพลล์เพื่อทายเพศของเด็ก และเราก็ต้องเผชิญกับการแท้งลูก ทำให้เราต้องหยุดทำคอนเทนต์บนโซเชียลไป
ในตอนแรก เรายังไม่เข้าใจศักยภาพของ Facebook ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการมากนัก เราไม่ได้มอง Facebook เป็นแพลตฟอร์มวิดีโอ แต่พอเราตระหนักได้ว่า Facebook ให้ความสำคัญกับวิดีโอมากขนาดไหน เราจึงมาลองกันอีกสักตั้ง เมื่อปี 2020 เราเริ่มทำการทดลอง โดยเริ่มทดสอบคอนเทนต์ต่างๆ และพบว่ากลุ่มเป้าหมายค่อยๆ เติบโตขึ้น เราจึงทำคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่นั้นมา
เราไม่ได้รู้สึกถึงความกดดันในการโพสต์ลง Facebook เพราะ Facebook ทำให้ทุกอย่างเป็นเรื่องง่าย ถ้าไม่ได้โพสต์วิดีโอ ก็โพสต์รูปภาพหรือซาวด์ไบต์แทน มีคอนเทนต์หลากหลายประเภทที่ทำให้คุณสามารถโพสต์ได้ทุกวัน
เราให้คุณค่ากับสิ่งที่เราทำ เมื่อเราสร้างคอนเทนต์สำหรับ Facebook โดยเฉพาะ เราพบว่ายอดแชร์ ยอดดู การมีส่วนร่วมเพิ่มสูงขึ้น และทำให้มีผู้ติดตามเพิ่มมากขึ้นด้วย Facebook สร้างขึ้นมาเพื่อครีเอเตอร์ที่พยายามเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ อย่างแท้จริง และ Facebook ยังเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสมเพราะเราสามารถแชร์และสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้โดยง่าย
เราซื่อสัตย์ต่อตัวตนของเรา เราทำให้คอนเทนต์กระชับและเข้าใจง่าย และเราก็ดูที่ข้อมูลต่างๆ ด้วย
การเป็นส่วนหนึ่งของ We The Culture [โปรแกรมของ Facebook ที่สนับสนุนครีเอเตอร์ชาวผิวดำ] ทำให้เราสามารถผลิตคอนเทนต์ได้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือนและดูว่าคอนเทนต์แบบใดที่ได้ผล เราพยายามทำให้ทุกๆ วิดีโอมีความยาวไม่เกิน 4 นาที โดยต้องสั้น เข้าใจง่าย และตรงประเด็น เป็นคอนเทนต์แบบกระชับและฉับไว เราพยายามทำให้คอนเทนต์ดึงดูดและสื่อถึงตัวตนของเรา ซึ่งก็คือความเป็นครอบครัวที่สนุกสนาน
ในโลกที่ผู้คนมากมายล้วนพยายามก้าวสู่การเป็นครีเอเตอร์ เราพยายามสร้างความแตกต่างจากคนอื่นๆ เราค้นพบเอกลักษณ์ของตนเอง และเราก็ยึดถือเอกลักษณ์นั้นไว้ เราให้ความรู้เกี่ยวกับการสร้างครอบครัว โดยเราโพสต์เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเรา
ครีเอเตอร์สตูดิโอ Meta เป็นที่ที่เราใช้อัพโหลดและกำหนดเวลาให้กับคอนเทนต์ ตรวจสอบวิดีโอก่อนและหลังเผยแพร่ วิเคราะห์เวลาในการรับชม และดูว่าปัจจัยใดที่จะช่วยให้ผู้คนรับชมวิดีโอจนจบได้ เราได้เรียนรู้ว่าหากเราให้ลูกๆ ปรากฏอยู่ในช่วงแรกๆ ของวิดีโอ จะทำให้ผู้คนรับชมต่อมากขึ้น เป็นต้น หากไม่มีครีเอเตอร์สตูดิโอ Meta นอกจากเห็นจำนวนการกดถูกใจและยอดการรับชมแล้ว เราก็คงไม่รู้ว่าผู้คนต้องการดูอะไร
ผู้ชมของเรามีความชัดเจนมาก พวกเขาจะบอกเราเสมอว่าอยากเห็นคอนเทนต์อะไรอีก และไม่อยากดูอะไร สิ่งที่ Facebook ช่วยเราได้มากเกี่ยวกับข้อมูลของแฟนตัวยงก็คือเครื่องหมายต่างๆ ที่ไฮไลท์ผู้คนที่มาแสดงความคิดเห็นและแสดงความรักต่อเรา
เรามองว่าผู้ชมคืออีกครอบครัวหนึ่งของเรา นี่เป็นครอบครัวออนไลน์ของเรา ซึ่งหมายถึงเมื่อเราเริ่มถ่ายทอดสด พวกเขาก็จะเข้ามาดู เหมือนมาพูดคุยกับคนในครอบครัว ซึ่งก็ตีความได้ว่าพวกเขารู้สึกสบายใจมากพอที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างจริงใจ รู้สึกว่าเสียงของตนเองมีคุณค่า หากเราไม่เห็นหรือไม่รู้ถึงความคิดเห็นของพวกเขา หลายๆ คนก็จะติดต่อเราผ่านทางข้อความส่วนตัว
ไม่เพียงเท่านี้ Facebook ยังช่วยให้เราได้พบกับผู้ชมกลุ่มใหม่ๆ ที่เราไม่เห็นในแพลตฟอร์มอื่นๆ ทั้งผู้คนที่ไม่เคยรู้จักเรามาก่อน ผู้คนที่ไม่ได้ตั้งใจมองหาคอนเทนต์ของเรา และผู้คนที่อาจคิดว่าพ่อสองคนที่เลี้ยงลูกด้วยกันอาจเป็นปัญหา ผู้คนเหล่านี้ต่างได้เรียนรู้ผ่านคอนเทนต์การเลี้ยงดูลูกของเรา พวกเขาบอกว่า "คุณช่วยให้ฉันเข้าใจลูก" เรารู้สึกดีใจจริงๆ ที่ได้เห็นผู้ชมจากทั่วสารทิศมารวมตัวกัน โดยไม่ได้มีเฉพาะคนที่สนับสนุนเรา แต่ยังมีอีกกลุ่มที่มีความคิดเห็นต่างออกไปด้วย
เราใช้แฮชแท็กเพื่อดึงดูดผู้ชมที่ต้องการดูคอนเทนต์ของเราเข้ามา เรามักจะเน้นที่เอกลักษณ์ของเรา เราจะไม่ใช้แฮชแท็กที่กำลังมาแรงต่างๆ ที่อาจดึงดูดผู้ชมกลุ่มอื่น การเอาใจใส่ช่วยให้เราสามารถเพิ่มจำนวนเวลาในการรับชม การแชร์ และการติดตามได้ ซึ่งจะช่วยยกระดับวิดีโอของเรา เรารักษากลุ่มเป้าหมายให้มีความเฉพาะเจาะจงและเกี่ยวข้องกับวิดีโอและตัวตนของเรา
Terrell สร้างการสนทนาด้วยวิธีการที่แปลกใหม่ได้เป็นอย่างดี ในบางวิดีโอ เราได้พยายามให้ความรู้กับฐานแฟนคลับว่าการเลี้ยงลูกของคุณพ่อสองคนนั้นเป็นอย่างไร เราให้สาระความรู้ต่างๆ ด้วยวิธีการแปลกๆ ที่น่าสนใจ ซึ่งส่งผลดีกับเรา เราให้ความสำคัญกับสิ่งที่ทำให้ตัวเรา การสื่อสาร และแบรนด์ของเราโดดเด่น
แทนที่จะไปทำคอนเทนต์ท่าเต้นที่กำลังเป็นไวรัล เรามักจะปรับเทรนด์ที่มาแรงให้เข้ากับเรา และทำเมื่อเราทำได้เท่านั้น คอนเทนต์จะต้องเกี่ยวข้องกับเราและเป้าหมายของเราในฐานะคุณพ่อที่ต้องการให้ความรู้แฟนๆ
ทำวิดีโอให้สั้น เข้าใจง่าย และตรงประเด็น โดยออกแบบคอนเทนต์ให้กระชับและฉับไว
ค้นหาเอกลักษณ์ของคุณและยึดถือไว้ให้ดี
เจาะลึกข้อมูลโดยใช้ครีเอเตอร์สตูดิโอ Meta เพื่อทำความเข้าใจว่าสิ่งใดที่ใช้แล้วได้ผลดี
ใส่แฮชแท็กที่เกี่ยวข้องและเจาะจงเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่จะมาติดตามคุณ
วิดีโอเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสร้างคอนเทนต์ ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เสียง
ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับจำนวนการกดถูกใจและยอดการรับชมมากนัก
คอนเทนต์คือการแสดงตัวตนของเราสองคน Terrell เป็นคนตลก ดังนั้นคอนเทนต์ก็จะมีความเฮฮาพร้อมให้ความรู้ ผม [Jarius] จะอารมณ์อ่อนไหวมากกว่า ดังนั้นผมจึงชอบเล่าเรื่อง ผมชอบให้ความรู้ผู้คนโดยทำให้ผู้คนมีความรู้สึกร่วมไปด้วย และเราประสบความสำเร็จจากทั้งสองวิธี
ในแง่ของกลยุทธ์ ถึงเราจะโพสต์วิดีโอตลกที่ไม่เหมือนใครสม่ำเสมอมากขึ้น แต่เราพบว่าความสำเร็จนั้นมาจากการเล่าเรื่องของเรา มาจากการสนทนาที่ไม่ปรุงแต่งและตรงไปตรงมา ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นวิดีโอขนาดยาวของเราที่ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยผมสามารถเล่าเรื่องจริงจากมุมมองโดยใช้ความรู้สึกของผมได้
ห้องเสียงถ่ายทอดสด** ยอดเยี่ยมมากเลยครับ บางครั้งผู้คนไม่ได้ต้องการรับชมวิดีโอ หรือกำลังเดินทางอยู่ ห้องเสียงถ่ายทอดสดเป็นเหมือนพอดแคสต์แบบถ่ายทอดสดที่คุณสามารถพูดคุยกับผู้คนและโต้ตอบกันได้แบบเรียลไทม์ โดยสามารถมีผู้พูดได้มากกว่าหนึ่งคนในเวลาเดียวกัน และให้ผู้คนเข้ามาแทรกในบทสนทนาได้ เรามีผู้พูดและหัวข้อที่ยอดเยี่ยมมากมาย และคุณจะได้รู้ว่าผู้คนอยากฟังหัวข้ออะไร
สิ่งที่คุณทำได้ดีที่สุดคือเป็นตัวของตัวเอง เมื่อคุณยึดมั่นในเอกลักษณ์และซื่อสัตย์กับตัวคุณเอง คุณจะไม่คิดว่าคุณกำลังทำงานอยู่เลย เพราะคุณรักและหลงใหลในการสร้างสรรค์ผลงานของคุณ เมื่อคุณหาเอกลักษณ์ของคุณเจอแล้ว ดูให้แน่ใจว่าคุณสามารถอยู่กับมันได้เรื่อยๆ ไม่อย่างนั้นไอเดียของคุณจะค่อยๆ หมดไป และผู้คนที่ต้องดูคอนเทนต์ของคุณจะหาคุณเจอเอง
อย่างที่สอง Facebook มีแหล่งข้อมูลสำหรับครีเอเตอร์มากมาย มีโปรแกรมหลายอย่างที่ไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้ แต่คุณสามารถสมัครเข้าร่วมได้ในฐานะครีเอเตอร์ มีทั้งจดหมายข่าว มีทั้งบล็อก [Meta for Creators] และมีการสัมภาษณ์นี้ด้วย! ทั้งหมดนี้อาจมีประโยชน์กับผู้คนมากมายที่ไม่สามารถเข้าถึงโปรแกรมต่างๆ เพื่อจะได้รู้ว่าอะไรที่ทำให้ครีเอเตอร์รายอื่นๆ ประสบความสำเร็จ คงเป็นเรื่องน่าเสียดายถ้าหลายๆ คนจะพลาดโอกาสไปเพียงเพราะไม่รู้ว่าสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ใดได้บ้าง เช่น เสียง จงกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ Facebook มีให้และลองใช้งานดู เราอยากให้ลองสมัคร เข้าร่วมชุมชน แล้วทำงานร่วมกัน
อย่างที่สาม ครีเอเตอร์บางคนหวังว่าตนเองจะสามารถเป็นไวรัลได้ในชั่วข้ามคืน พวกเขาติดกับดักยอดการกดถูกใจและการรับชม เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว จุดที่เราหมกมุ่นกับการเฝ้าดูประสิทธิภาพของแต่ละวิดีโอ ไม่ต้องทำแบบนั้นหรอก เพราะวิดีโอหลายๆ ชิ้นของเราก็ได้รับความนิยมมากขึ้นหลังผ่านไปสามเดือน บางครั้งเราก็ไม่รู้ว่าอะไรจะได้รับความนิยม ดังนั้น อย่าท้อถอย หากวิดีโอไม่เป็นไปตามที่คุณคาดหวังไว้ทันที
ในครีเอเตอร์สตูดิโอ Meta [ผ่านตัวจัดการการร่วมงานกับแบรนด์] เราได้รับการติดต่อเพื่อร่วมงานจากแบรนด์และพาร์ทเนอร์ต่างๆ อย่างล้นหลาม แต่ละแบรนด์ก็เจ๋งๆ ทั้งนั้น ผู้คนเริ่มสังเกตเห็นตัวตนของเราที่เติบโตขึ้นบน Facebook และต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง โอกาสในการสร้างรายได้และโอกาสที่จะได้รับการค้นพบจึงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแบรนด์ต่างๆ ล้วนต้องการโปรโมทเนื้อหาของเราและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างมากขึ้นด้วยเหมือนกัน
Terrell: ทันสมัย, ครอบครัว, สนุกสนาน
Jarius: แถวนี้พ่อคุม และผมขออธิบายเพิ่มหน่อย ผมไม่เคยมีประสบการณ์ในการดูแลเด็กมาก่อนที่จะมีลูก และผมไม่เคยมีประสบการณ์ทำผมให้ลูกๆ ด้วย แต่ผมอยากทำทุกอย่างให้ลูกสาวของผมได้ และไม่อยากให้ลูกรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป ผมจึงตั้งภารกิจเพื่อทำผมทุกทรงที่ลูกต้องการที่บ้าน ผมจึงเริ่มเรียนรู้ และนั่นเป็นสาเหตุที่วิดีโอทำผมมีความหมายกับผมมาก ผมเห็นว่าเมื่อผมแชร์วิดีโอเหล่านั้น ผู้คนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกชื่นใจเพียงใดที่ได้เห็นคุณพ่อทำผมให้ลูกสาวตัวน้อย มีคุณพ่อหลายคนบอกเราว่าพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจที่จะลงมือทำแบบเดียวกันนี้ เพราะบางที คุณพ่อก็ไม่ได้รับคำชมเท่าที่ควร คุณพ่อก็เป็นซูเปอร์ฮีโร่ได้เหมือนกันนะ
* จากข้อมูลสาธารณะของ CrowdTangle, 1 พ.ย. 2020 - 8 พ.ย. 2021
**ขณะนี้ ห้องเสียงถ่ายทอดสดยังไม่เปิดให้บริการในเพจแบบคลาสสิก การสร้างห้องและพูดในห้องเสียงสามารถทำได้บนแอพ Facebook บนมือถือเท่านั้น โดยเปิดให้ใช้งานทั่วโลกแล้ว เนื้อหาจะต้องเป็นไปตามนโยบายการถ่ายทอดสด มาตรฐานชุมชน และข้อกำหนดในการใช้งานของ Facebook
เราตื่นเต้นที่จะประกาศว่าโปรแกรม We The Culture สำหรับครีเอเตอร์กลับมาเป็นปีที่สองแล้ว! โปรแกรมนี้ออกแบบมาเพื่อให้ครีเอเตอร์ชาวผิวดำได้มีโอกาสขยายขอบเขตของความคิดสร้างสรรค์ผ่านการเข้าถึงเงินทุนสนับสนุนและแหล่งข้อมูลต่างๆ เพื่อสร้างชุมชนให้เติบโตและสร้างธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีของเรา
หากต้องการสมัครเข้ารับการคัดเลือกเพื่อเข้าร่วมโปรแกรม โปรดส่งใบสมัครภายในวันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม 2021 เวลา 8:00 น. โซนเวลา PT